ความซื่อสัตย์ นั้น สำคัญไฉน

    เชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงจะเคยได้ยินได้ฟังนิทานเรื่อง “ เด็กเลี้ยงแกะ ” มาแล้วที่ว่าเด็กเลี้ยงแกะคนหนึ่ง ร้องตะโกนให้ชาวบ้านมาช่วย ว่าจะมีหมาป่ามากินแกะ แต่กลายเป็นว่าเด็กโกหก และหัวเราะเยาะที่หลอกคนอื่นได้ ต่อมาเมื่อมีหมาป่ามาจริงๆ ตะโกนเท่าไรก็ไม่มีใครเชื่อ เพราะคิดว่าเป็นการโกหกอีก ในที่สุดเด็กก็ต้องสูญเสียแกะไป นิทานเรื่องนี้ สอนให้รู้ว่า การโกหกเป็นสิ่งไม่ดี และคนเราจะต้องมีความซื่อทั้งการกระทำและคำพูด จึงจะเป็นที่เชื่อถือของผู้อื่น และสำนวน “ เด็กเลี้ยงแกะ ” ก็เป็นที่รู้กันต่อมาว่าหมายถึง คนที่ชอบพูดโกหกหลอกลวง หรือพูดจาเหลวไหล เชื่อไม่ได้
    ส่วนเรื่อง “ พันนรสิงห์ ” ก็เป็นเรื่องความซื่อตรงต่อหน้าที่ กล่าวคือในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือแห่งกรุงศรีอยุธยา ได้เสด็จลงเรือพระที่นั่งเอกชัยเพื่อไปประพาสทรงเบ็ด เมื่อเรือพระที่นั่งมาถึงตำบลโคกขาม เมืองสาครบุรี ซึ่งเป็นคลองคดเคี้ยว พันท้ายนรสิงห์ นายท้ายเรือ ไม่สามารถคัดท้ายได้ทัน เรือพระที่นั่งจึงชนกิ่งไม้หักตกน้ำ ซึ่งมีโทษประหาร แต่พระเจ้าเสือ เห็นว่าเป็นเรื่องสุดวิสัย จึงพระราชทานอภัยโทษให้ ถึงสองครั้ง แต่พันท้ายนรสิงห์กลับขอให้ประหารตน ยอมตายเพื่อมิให้เสียกฏมณเทียรบาล ด้วยความกล้าหาญ และความซื่อตรงต่อหน้าที่นี้เอง ที่ทำให้ปัจจุบันยังมีศาลพันท้ายนรสิงห์อยู่ที่จังหวัดสมุทรสาคร บริเวณที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้อนุชนรุ่นหลังนึกถึง คุณงามความดีของท่าน ซึ่งแม้จะเป็นเพียงนายท้ายเรือ แต่ก็ประพฤติตนเป็นแบบอย่างแก่ลูกหลาน หากท่านรับการอภัยโทษครั้งนั้น ชื่อเสียงของท่านก็คงไม่เป็นที่กล่าวขวัญกันจนถึงทุกวันนี้
    เรื่องแรกแม้จะเป็นนิทานที่แต่ง ขึ้นและเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก ส่วนอีกเรื่องจะเป็นเรื่องเล่าในพงศาวดารของไทยก็ตาม แต่ทั้งสองเรื่องก็เป็นที่เล่าขานสืบต่อกันมาจนปัจจุบัน เพื่อใช้เป็นคติสอนใจคน อันแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าชาติใด ภาษาไหน ต่างก็เห็นว่า ความซื่อสัตย์ และการไม่โกหกหลอกลวงใครเป็นคุณธรรมที่น่ายกย่องและเป็นเรื่องที่สมควร ประพฤติปฏิบัติ
    ในพจนานุกรมได้ให้ความหมายของคำว่า “ ซื่อ ” ว่าหมายถึง ตรง ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม ไม่คดโกง ส่วนคำว่า “ ซื่อตรง หมายถึง ความประพฤติตรง ไม่เอนเอียง ไม่คดโกง และ “ ซื่อสัตย์ ” หมายถึง ความประพฤติตรงและจริงใจ ไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกงและไม่หลอกหลวง หรือเราอาจจะพูดง่ายๆว่าคนที่ซื่อสัตย์ ก็คือ คนที่เป็นคนตรง ประพฤติสิ่งใดก็ด้วยน้ำใสใจจริง
    ความซื่อสัตย์นั้นมีหลายอย่าง เช่น ความซื่อสัตย์ต่อตนเอง ความซื่อสัตย์ต่อครอบครัว ความซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ความซื่อสัตย์ต่อมิตร และความซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ เป็นต้น
    มีพุทธภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ สจฺเจน กิตฺตี ปปฺโปติ ” แปลว่า “ คนเราจะบรรลุถึงเกียรติได้เพราะความสัตย์ ” นั้นก็หมายความว่า คนที่จะมีเกียรติ ย่อมต้องเป็นคนที่มีความสัตย์ซื่อ จึงจะเป็นที่ยอมรับนับถือของคนในสังคมได้อย่างจริงใจ โดยไม่ต้องไม่เสแสร้งแกล้งทำ
    “ ความซื่อสัตย์ ” เป็นคุณธรรมที่จำเป็นต่อทุกสังคม ไม่ว่าจะเป็นความซื่อสัตย์ในระดับไหนก็ตาม จะต้องมีการปลูกฝังหรือสอนเยาวชนรุ่นหลังให้ประพฤติปฏิบัติ ทั้ง นี้เพราะ หากคนในสังคมขาดคุณธรรมข้อนี้เมื่อใด สังคมก็จะวุ่นวาย ไม่สงบ คนจะเอารัดเอาเปรียบกัน และเห็นแก่ตัวมากขึ้น จนก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆตามมาอีกมากมาย
    ดังตัวอย่างที่กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จะขอยกมาให้เห็น ดังนี้
    การไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง เช่น เราตั้งใจว่าจะไม่กินของหวาน ของมันเพื่อลดน้ำหนัก แต่เราก็แอบกิน แม้คนอื่นไม่ทราบ แต่เราก็รู้ตัวเราดี ผลเสีย คือ เราก็จะอ้วน และเป็นโรคอื่นตามมา หรือตั้งใจจะอ่านหนังสือ แล้วก็ไม่อ่าน เพราะมัวไปเที่ยวเล่น ดูหนัง หรือเล่นเน็ต ผลเสียคือ เราอาจจะสอบตก ซึ่งหาก เราขาดความซื่อสัตย์ต่อตนเอง และผัดผ่อนไปเรื่อยๆ ในระยาวเราอาจจะกลายเป็นคนขาดระเบียบ ขาดความตั้งใจ กลายเป็นคนทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต

    การไม่ซื่อสัตย์ต่อครอบครัว เช่น ไปมีชู้ มีกิ๊ก ติดพันนักร้องนักแสดง มีความสัมพันธ์กับคนที่มีครอบครัวแล้ว แม้จะไม่ต้องรับผิดชอบเลี้ยงดู แต่ก็จะทำให้ละเลยต่อลูกเมีย หรือสามี สร้างปัญหาในชีวิต ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน อีกทั้งยังเป็นที่ดูถูกเหยียดหยามของผู้อื่น หากเป็นหัวหน้าไปมีสัมพันธ์กับลูกน้อง ก็จะทำให้ลูกน้องคนอื่นๆขาดความเชื่อถือ หรือหัวหน้าระดับสูงขึ้นไปไม่ให้ความไว้วางใจ เป็นต้น 
                      
    การไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การงาน เช่น เป็นข้าราชการ ทหาร ตำรวจใช้อำนาจในทางมิชอบ กระทำทุจริต หรือแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเองหรือครอบครัว ก็จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนและบ้านเมืองดังที่เราจะเห็นกันอยู่ใน ปัจจุบัน หรือหากเป็นพ่อค้าแม่ขาย ชาวสวนชาวนาไม่ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ขายของโกงเขา หรือใช้สารเคมีที่เป็นอันตราย ฯลฯ ก็จะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท โรคภัยไข้เจ็บจากสารพิษสะสมในร่างกาย เป็นต้น ซึ่งล้วนแล้วแต่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองและผู้เกี่ยวข้องทั้งสิ้น

    การไม่ซื่อสัตย์ต่อมิตร นอกเหนือจากญาติแล้ว เป็นธรรมดาที่คนเราต้องมีการคบหาสมาคมกับผู้อื่น เป็นมิตรต่อกัน และต้องพึ่งพาอาศัยกัน ซึ่งความเป็นมิตรนั้นจะคงทนถาวรอยู่ได้ตลอดไปก็ต้องมีความซื่อสัตย์ ไม่คิดคดทรยศต่อกัน มิตรภาพจึงจะยาวนาน หากไม่ซื่อตรงต่อกันแล้ว ก็ย่อมจะแตกความสามัคคี ทำให้เราไม่มีเพื่อน หรืออยู่ในสังคมได้ยากเพราะกลัวคนอื่นจะหักหลังเราตลอดเวลา เป็นต้น   
 

    การซื่อสัตย์ต่อประเทศชาติ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะหากชาติอยู่ไม่ได้ ประชาชนคนในชาติก็อยู่ไม่ได้ และหากชาติล่มสลาย ก็คือพวกเราที่จะกลายเป็นคนไร้แผ่นดิน ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น     
     ตัวอย่างข้างต้นคงจะทำให้เห็นแล้วว่า ความซื่อสัตย์ เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากขาด “ ความซื่อสัตย์ ” แล้ว สังคมคงยุ่งเหยิง เกิดความหวาดระแวง ไม่ไว้ใจซึ่งกันและกัน เกิดความโกลาหลไปทั่ว ไม่รู้สิ่งไหนจริง สิ่งไหนเท็จ ถ้าขาดในระดับบุคคลก็จะกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือและมีปัญหาอยู่ตลอดเวลา ส่วนในระดับประเทศ ก็จะไร้ซึ่งเกียรติภูมิ เป็นที่ดูถูกของชาติอื่น ซึ่งความซื่อสัตย์ที่ว่านี้ รวมไปถึงการมี สัจจะ พูดจริงทำจริง ไม่โกหกหรือพูดเหลวไหล พูดคำไหนเป็นคำนั้นด้วย คนเช่นนี้ไปที่ใด ย่อมเป็นที่เคารพนับถือว่าเป็นคนมีเกียรติ ข้อ สำคัญ ถ้าทุกคนทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ย่อมจะทำให้สังคม และประเทศชาติมีความมั่นคง สงบสุข อันมีผลดีต่อประชาชนคือ ตัวเราทุกคนนั่นเอง

12 สาเหตุอาการเครียด ที่คุณอาจคาดไม่ถึง

         ปัจจุบัน ความเครียดดูจะเป็นปัญหาใกล้ตัวคนในยุคนี้เหลือเกิน สาเหตุหลักของความเครียดเกิดจากหลายประการ เช่น น้ำท่วม ตกงาน สภาพบอบช้ำทางจิตใจ ความเศร้าโศก ฯลฯ แต่ ก็ยังมีอีกหลาย ๆ คนที่มีอาการเครียดโดยไม่ได้เกิดจากปัจจัยเหล่านี้ บางทีเรื่องเล็ก ๆ ก็กลับกลายเป็นสาเหตุของอาการเครียดได้โดยที่เราคาดไม่ถึง ดังนี้
1. ความเปลี่ยนแปลงในช่วงรอยต่อระหว่างฤดู
อาการเครียดในช่วงรอยต่อระหว่างฤดูอาจพบเห็นได้ไม่มากนักในประเทศไทย ซึ่งเวลาในแต่ละฤดูไม่ได้แตกต่างกันมาก แต่ในประเทศแถบยุโรปที่มีความแตกต่างระหว่างฤดูอย่างชัดเจน ช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่านจากฤดูกาลหนึ่งสู่ฤดูกาลใหม่สามารถทำให้เกิดความเครียดได้เนื่องจากร่างกายไม่สามารถปรับตัวเข้าสู่เวลาของฤดูกาลใหม่ได้ทันอย่าง ในฤดูหนาวที่กลางคืนยาวขึ้นและกลางวันหดสั้นลง แทนที่ร่างกายจะตื่นมาอย่างสดชื่นพร้อมกับอาทิตย์รุ่งอรุณ กลับต้องตื่นขึ้นมาเจอกับความมืดสลัวที่ไม่คุ้นเคยอย่างที่ผ่านมา ซึ่งในสภาพเช่นนี้จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนเมลาโทนินทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าและเครียด

2. การสูบบุหรี่ 
สารนิโคตินในบุหรี่ ออกฤทธิ์รบกวนการทำงานของสารเคมีในสมองอย่างโดปามีน และ เซโรโทนิน ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท และยังมีหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการทำงานของยารักษาอาการซึมเศร้า (antidepressant drugs) ด้วย เมื่อสารทั้งสองตัวนี้ถูกรบกวน จึงทำให้เกิดอาการหงุดหงิดไปจนถึงซึมเศร้า ซึ่งนี่เป็นคำอธิบายด้วยว่า ทำไมผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงถอนยาหรือหย่าบุหรี่ จึงมีอาการเครียดเพราะฉะนั้นเพื่อรักษาสมดุลของสารเคมีในสมอง หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ตั้งแต่ต้นจะดีที่สุด
 
3. โรคไทรอยด์
ฮอร์โมนไทรอยด์ซึ่งผลิตจากต่อมไทรอยด์มีหน้าที่หลายหลาก ทั้งทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาทและรักษาระดับสารสื่อประสาทเซโรโทนินให้อยู่ในภาวะปกติ ผู้ป่วยโรคไทรอยด์ที่ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ได้ตามปกติ จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า "ไฮโปไทโรดิซึ่ม" (hypothyroidism) เมื่อการทำงานของต่อมไทรอยด์ผิดเพี้ยนไปจากเดิม จึงไม่สามารถทำตัวเป็นสารสื่อประสาทได้อย่างเคยรวมถึงทำให้สารเซโรโทนินเสียสมดุลไปด้วย ก่อให้เกิดอาการเครียดได้นั่นเอง

4. นอนน้อย
การนอนหลับพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ นอกจากจะทำให้รู้สึกหงุดหงิดได้ง่ายแล้ว ยังเป็นสาเหตุให้เกิดอาการเครียดด้วย มีผลการทดลองหนึ่งจากปี 2007 พบว่าเมื่อให้คนสุขภาพดีแต่นอนน้อย มาดูภาพที่ชวนหดหู่ สมองของคนกลุ่มนี้จะทำงานหนักกว่า คนสุขภาพดีที่พักผ่อนอย่างเต็มที่ แล้วถูกทดสอบด้วยประการเดียวกัน ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นกับคนกลุ่มนอนน้อย เป็นอาการเดียวกับที่ปรากฏในผู้ป่วยที่เป็นโรคเครียด เพราะเมื่อนอนหลับไม่เพียงพอ สมองจึงไม่ได้รับการซ่อมแซมฟื้นฟู ทำให้การทำงานของสมองบางส่วนบกพร่องไป อันเป็นสาเหตุหนึ่งที่นำไปสู่ความรู้สึกเครียดนั่นเอง

5. ติด facebook
สิ่งนี้ดูจะเป็นอาการทั่วไปของคนในยุคปัจจุบันเสียแล้ว นอกจากเฟซบุ๊ก ยังหมายรวมถึงโปรแกรมแชทต่าง ๆ รวมทั้งโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่นๆด้วย ซึ่งการใช้เวลามากเกินไปบนโลกออนไลน์นี้ ทำให้เกิดอาการเครียดตามมาได้มีผลการศึกษาในปี 2010 กล่าวว่า ร้อยละ 1.2 ของคนอายุระหว่าง 16-51 ปี ในอเมริกา ใช้เวลากับโลกอินเทอร์เน็ตมากเกินไป และมีแนวโน้มว่าจะเกิดอาการเครียดได้ง่าย ตั้งแต่ระดับปานกลางจนถึงรุนแรง แต่อย่างไรก็ตามผลการวิจัยนี้ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าการผูกติดกับโลกอินเทอร์เน็ตมากเกินไปทำให้เกิดอาการเครียดหรือคนที่มีอาการเครียดง่ายเป็นทุนเดิม มักมีแนวโน้มยึดติดกับโลกออนไลน์มากกว่าคนทั่วไป

6. โปรแกรมโปรดฉายจบ
เมื่อสิ่งที่ชื่นชอบและรอคอยเดินทางมาถึงตอนจบ ก็ทำให้อดใจหายไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นละคร ซีรี่ย์ หรือภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ และการจบลงของโปรแกรมเหล่านี้ ยังให้เกิดอาการเครียดขึ้นได้ เพราะผู้ชมมักนำตัวเองไปผูกติดกับเรื่องราวที่ดำเนินไป แต่โลกความจริงนั้นไม่เหมือนกับในละคร ทำให้เกิดความผิดหวัง ซึมเศร้า และ เครียด ตามมาได้ 

7. แหล่งที่พักอาศัย
ประเด็นเรื่องการเลือกทำเลตั้งถิ่นฐานยังหยิบขึ้นมาถกกันได้บ่อย ๆ เพื่อหาข้อสรุปว่า การมีบ้านอยู่ในเมืองกับนอกเมืองนั้นแบบไหนดีกว่ากัน อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาหนึ่งในปี 2011 จากวารสาร Nature บอกว่า ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่มีความเสี่ยงที่จะประสบอาการเครียด มากกว่าคนที่อาศัยอยู่นอกเมืองถึงร้อยละ 39 เนื่อง จากคนเมืองมีกิจกรรมให้ทำเยอะกว่า ซึ่งหมายถึงสมองต้องทำงานหนักกว่า และ มีโอกาสพบเรื่องที่ต้องให้เครียดจากกิจกรรมต่าง ๆ เหล่านั้นเยอะกว่านั่นเอง

8. ตัวเลือกการบริโภคที่หลากหลาย
สินค้าประเภทเดียวกันที่มีอยู่มากมายหลายยี่ห้อในตลาดเป็นปัจจัยแฝงอย่าง หนึ่งที่ก่อให้เกิดความเครียดขึ้นกับผู้บริโภคได้ ผู้บริโภคที่สามารถเลือกสินค้าที่ตรงกับความต้องการได้โดยไม่มีความลังเล จะรอดพ้นจากความเครียดนี้ ส่วนรายที่ชอบทดสอบ เลือกเฟ้น ค้นหาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี และคุ้มค่ามากที่สุด จะกลายเป็นเหยื่อความเครียดโดยไม่รู้ตัว

9. ไม่ทานปลา
ผลการศึกษาหนึ่งจากประเทศฟินแลนด์ ในปี 2004  พบว่าการขาดกรดไขมันโอเมก้า 3 อันพบมากในปลาแซลมอนและน้ำมันพืช ทำให้ผู้หญิงมีแนวโน้มเกิดอาการเครียดได้ง่าย อย่าง ไรก็ตามเรื่องนี้กลับไม่ส่งผลกระทบใดกับผู้ชาย คำอธิบายที่พอเชื่อถือได้กล่าวว่า เพราะกรดไขมันดังกล่าว ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยในการรักษาระดับสมดุลของสารสื่อประสาทเซโรโทนิน ซึ่งหากสารนี้อยู่ในภาวะไม่เหมาะสมก็จะทำให้เกิดอาการเครียดได้

10. เติบโตอย่างโดดเดี่ยวห่างไกลลูกพี่ลูกน้อง
แม้ การมีครอบครัวขยาย หรือการอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ จะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น หรือความขัดแย้งและความเครียดได้ง่ายกว่าการอยู่แบบครัวเดี่ยว การอยู่แบบสบายตัว ไม่มีความสัมพันธ์ผูกพันให้ยุ่งยากจึงน่าจะฟังดูดีกว่า แต่ความจริงแล้วการ เติบโตอย่างโดดเดี่ยวไร้การปฏิสัมพันธ์กับญาติ ๆ หรือลูกพี่ลูกน้องในรุ่นราวคราวเดียวกัน กลับทำให้เด็กรายนั้นมีโอกาสเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ประสบภาวะเครียดง่าย ได้ในภายหลัง ซึ่ง สาเหตุเบื้องหลังเกิดจาก การขาดทักษะการสื่อสารและการเข้าสังคม แต่อย่างไรก็ดี การเติบโตขึ้นมาท่ามกลางการทะเลาะวิวาทระหว่างพี่น้อง ก็ทำให้เกิดความเครียดได้

11. ยาคุมกำเนิด
ฮอร์โมนโปรเจสเทอโรนแบบสังเคราะห์ที่มีอยู่ในยาเม็ดคุมกำเนิด ก่อให้เกิดผลข้างเคียงในผู้หญิงบางรายได้ โดยจะทำให้มีอาการเครียด ไปจนถึงซึมเศร้า ยิ่งในรายที่มีประวัติเครียดง่ายอยู่แล้ว ก็จะปรากฏอาการนี้ได้ง่ายขึ้นในขณะที่พวกเธอใช้ยาคุมกำเนิดด้วย 

12. ยาชนิดอื่นๆ
อาการเครียดและภาวะซึมเศร้าอาจมาจากผลข้างเคียงของการใช้ยาบางประเภท เช่น แอคคิวเทน หรือยาในตระกูลไอโซเตรติโนอิน (isotretinoin) ซึ่งเป็นที่รู้จักจากสรรพคุณช่วยรักษาสิว, ยากล่อมประสาท รักษาอาการวิตกกังวล นอนไม่หลับ อย่าง วาเลียม (Valium), ซาแน็ก (Xanax) หรือแม้แต่ยาที่จ่ายให้กับหญิงวัยทอง อย่าง พรีมาริน(Premarin) ก็ทำให้เกิดอาการเครียด ซึ่งเป็นผลข้างเคียงจากการใช้ยานั่นเอง
         สาเหตุ ของอาการเครียดอยู่ใกล้ตัวกว่าที่เราคิดมาก เพราะฉะนั้น อย่าลืมที่จะอยู่อย่างรู้เท่าทันปัจจัยที่ก่อให้เกิดอาการเครียด และเอาใจใส่ภาวะจิตใจให้แข็งแรงอยู่เสมอนะคะ

ประวัติ


ชื่อ : นางสาวสุพิชชา ม้วนสุธา
ชื่อเล่น : แพร
เพศ : หญิง
เกิด : 20 ตุลาคม 2538
กรุ๊ปเลือด : A
ที่อยู่ : 91/2 หมู่ 3 ตำบลคลองเขิน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม   75000
งานอดิเรก : อ่านนิยาย ฟังเพลง ชมภาพยนต์
e-mail : sueno_vaciar@hotmail.com
facebook : Supitcha Mounsutha
twitter : sueno_vaciar